
Getting your Trinity Audio player ready...
|
ทสจ.อุตรดิตถ์ ร่วมกับ สจป.3 (ลำปาง) ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอยู่อาศัยทำกินในพื้นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และ ป่า 2484 ตามมติคณะรัฐมนตรี ตามนโยบายอธิบดีกรมป่าไม้ หน่วยงานราชการ อบต. เทศบาล โรงเรียน วัด ทำถนน อ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านทำสวนผลไม้ ยังไม่ได้เอกสารสิทธิ์ การรับรองสิทธิ์รวมถึงยังไม่ได้มีการขออนุญาตใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ “กฏหมายเปิดช่องให้ป่าไม้ดำเนินการหรือร่วมดำเนินการในฐานะเป็นของเจ้าพื้นที่เอง”
เมื่อเร็วๆนี้ ที่หอประชุมว่าการอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมหารือขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยมีนายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) กล่าวรายงาน นายมรกต อินทรภู่ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์, นายนเรศ นนท์คลัง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้อุตรดิตถ์ นายศิวัช ฟูบินทร์ นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยข้าราชการระดับอำเภอ 9 อำเภอ, เจ้าหน้าที่ในสังกัด สจป.3 (ลำปาง), เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแล้วล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์, เจ้าหน้าที่ศูนย์ป่าไม้อุตรดิตถ์, นายสุพรรณ์ ยากองโค นักวิชาการศาสนาชำนาญการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์, ผู้นำชุมชน, ตัวแทนภาคประชาชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมพร้อมเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการขออนุญาตและขอใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่า 2484 ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ตามมติของคณะรัฐมนตรี ทั้งของหน่วยงานราชการ ประชาชน รวมถึงพื้นที่สำนักสงฆ์และวัดด้วย
นายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) กล่าวว่า ด้วยกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยมอบหมายให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) กรมป่าไม้ ดำเนินการตามแผนงานดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ข้อสั่งการของนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ หลังจากกรมป่าไม้ จัดประชุมเร่งรัดติดตามการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลรูมโรงแรมสีหราช อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเร่งรัดติดตามการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
เพื่อเป็นการสร้างการมีความส่วนร่วมกับชุมชนและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายและ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ใจปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแนวทางปฏิบัติเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่ง ชาติ ให้บรรลุสำเร็จตามเป้าหมาย รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะและปัญหาอุปสรรคจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปวางแผนบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอย่างมีระบบต่อไป
นายนพฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า เรื่องของเขตป่าไม้และเขตป่าสงวนแห่งชาติ หน่วยงานราชการหลายภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องการทำโครง การในเขตพื้นที่ป่า ทีมงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอำเภอทุกอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง กำนันและผู้ใหญ่บ้าน เรื่องวันนี้ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกคน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะเดินทางมาที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อมาแก้ไขปัญหาให้กับหน่วยงานของรัฐและประชาชนในพื้นที่ที่เข้าอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าไม้และป่าสวนแห่งชาติ ยังไม่ได้เอกสารสิทธิ์ การรับรองสิทธิ์รวมถึงยังไม่ได้มีการขออนุญาต โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่เข้าไปทำโครงการ ถนน โรงเรียน วัด อาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลหรืออบต. ส่วนราชการหลายแห่งอยู่ในป่ายังไม่มีการขออนุญาตใช้ประโยชน์
นายนพฤทธิ์ กล่าวว่า สมัยก่อนทีการบุกรุกเข้าไปทำกันก่อน ทั้งถนนหนทางและอาคารต่างๆ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็เรื่องมีการตรวจสอบพื้นที่ ตรวจสอบการทำงบประมาณว่าทำที่ไหนอย่างไร มีการขออนุญาตหรือยัง คุ้มค่าและมีประโยชน์กับงบประมาณหรือไม่ จึงเป็นเรื่องทั้งที่ทำไปแล้วและจะทำ สิ่งไหนที่ทำไปแล้วก็ต้องขออนุญาตตามมติคณะรัฐมนตรีที่มีการผ่อนผันให้ ต้องสำรวจตรวจสอบกันเยอะแยะ บางพื้นที่ก็รายงานบางพื้นที่ก็ไม่รายงาน ส่วนที่ไหนยังไม่ทำก็กลายเป็นเงื่อนไข ของสำนักงบ ประมาณ ในการอนุมัตงบประมาณเวลาขอโครงการไป ที่ดินที่ไหนทำในพื้นที่ป่าได้รับอนุญาตหรือยัง มีใบอนุญาตหรือยัง ไม่มีใบอนุญาตก็ไม่ให้ตังค์หรือเงินกับหน่วยงานนั้นหรือทำไม่ได้
นายนพฤทธิ์ กล่าวว่า แม้กระทั่งงบขององค์การบริหารส่วนตำบล ของเทศบาลซึ่งเป็นงบเทศบัญญัติ เงินในกระเป๋าเราเอง ทำเรื่องส่งไปของบประมาณ จะถูกถามว่ามีพื้นที่หรือยัง พอทำเรื่องไปขอพื้นที่โดนถามว่ามีงบประมาณหรือยัง แล้วเราจะเอาอะไรก่อนหลัง ต้องเข้าใจว่าเป็นหลักเกณฑ์ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น หน่วยที่อนุญาตให้ใช้ที่ดินถามว่าท่านมีเงินไหม มีโครงการอะไรรองรับแล้วหรือยัง หน่วยงานที่จะให้ใช้เงิน ก็อยากจะรู้ว่าท่านมีพื้นที่พร้อมรึยัง สิ่งนี้จึงเป็นปัญหาของส่วนราชการต้องแก้ปัญหา สำหรับชาวบ้านที่เข้าไปทำมาหากินอยู่อาศัยในพื้นที่ป่าเป็นเวลานานแล้ว มีหลักฐานมีร่องรอยปรากฏว่าได้เข้าทำกินมาก่อน ปีไหนก็ตามแต่จะต้องตรงกับหลักเกณฑ์ของคณะรัฐมนตรี ต้องมีการพิสูจน์สิทธิ์พร้อมรองรับให้มีสิทธิ์ทำกินได้
นายนพฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการทำสวนผลไม้ ก็ต้องทำในเรื่องของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เมื่อได้รับอนุญาติถูกต้องแล้ว ผลผลิตต่างๆก็จะได้รับการรับรองมีคุณภาพ น่าเชื่อถือได้ ขายต่างประเทศได้ ทำให้สร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชน สำหรับโครงการของหน่วยงานต่างๆของราชการ ที่เข้าไปทำถนนหนทาง เข้าไปทำอ่างเก็บน้ำต่างๆก็เพื่อประโยชน์ของชาวบ้านทั้งสิ้น ทำไปก่อนแล้วก็มี กำลังจะทำก็มี หรือมีแผนงานในอนาคตก็ดี ก็ต้องมาทำกันให้ถูกต้อง รวมถึงเรื่องอาคารที่ทำการที่เป็นของราชการทั้งหลาย วัด โรงเรียน องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาล
” สมัยก่อนก็ทำเป็นโครงการขอมาเข้าไปตรวจพื้นที่ 2-3 โครงการ บางพื้นที่ก็ใช้เวลานาน หลายแห่งส่งไปเป็นปีแล้วยังไม่ไปถึงไหน วันที่นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะเดินทางมาก็มีวิธีแนวทางในการทำงาน ถ้าโครงการไหนที่สามารถทำร่วมกันได้ กฏหมายเปิดช่องว่าโครงการในกิจการไหนถ้าหน่วยงานด้านป่าไม้เป็นหน่วยงานดำเนินการหรือหน่ยงานร่วมดำเนินการ ในฐานะที่ป่าไม้เป็นของเจ้าพื้นที่เองก็สามารถที่จะทำไปได้เลย ลดขั้นตอนลดเวลาลง เพราะถือว่าหน่วยงานของพื้นที่ทำเอง ท่านก็ต้องไปดูว่าโครงการของท่าน สามารถดำเนินการเข้าช่องนี้ได้ ถนนที่จะทำเข้าไปสู่การอนุรักษ์ป่าไม้หรือไม่ เข้าไปดับไฟป่าหรือไม่ เข้าไปดูแลระบบนิเวศน์วิทยาทำให้ป่าไม้ทำงานสะดวกรวดเร็วโดยมีประโยชน์ร่วมกัน ชาวบ้านได้ทำกินเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ใช้ร่วมกันถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ก็สามารถเข้าช่องนี้ได้ทำให้เร็วขึ้น” รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า