
Getting your Trinity Audio player ready...
|
ถังแก๊สดัดแปลงระเบิดดังสนั่น! “โรงงานน้ำตาล คร่าชีวิตนักดับเพลิงเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์” ระหว่างเตรียมการสาธิตการดับเพลิงให้พนักงาน แรงอัดกระแทกเหน้าอกและใบหน้าอย่างแรงแขนขวาขาดกระเด็นข้ามรั่วกำแพงไกลถึง 200 เมตร เศษถังแก๊สฝังกลางหน้าอก ล้มสิ้นใจทันที “ รองผู้ว่าฯ เสียใจต่อครอบครัวและญาติ ชี้ อุทาหรณ์ ให้ต้องระวัง” ถัง 15 ก.ก.ใส่น้ำมันพร้อมอัดก๊าซไนโตรเจนเหลว ทำให้เกิดความผิดพลาด แม้ทำมานานหลายปี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ด.ต.สุระพงษ์ ปันกิติ ผู้บังคับหมู่ป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ (สายตรวจหน่วยบริการประชาชนเอกลักษณ์) รับแจ้งเหตุ ถังแก๊สระเบิดดังสนั่นภายในโรงงานน้ำตาลไทยเอกลัษณ์ พื้นที่หมู่ 8 ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ รุดเข้าตรวจสอบในพื้นที่โรงงานน้ำตาล พบถังแก๊สหุ้งต้มครัวเรือน ขนาดน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัมเกิดการระเบิดระหว่างการสาธิตการดับเพลิง (อุปกรณ์ควบคุมแรงดันการฝึกระเบิด) และป้องกันอุบัติภัย ประจำปี 2566 ของบริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด มีเศษถังแก๊สฉีกขาดแยกออกจากกันกระจัดกระจายทั่วบริเวณพื้นที่ลานกว้างของโรงงานน้ำตาล บริเวณใกล้กันพบศพ นายสุรชาติ ภู่บุบผา อายุ 58 ปี ตำแหน่งเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชำนาญงาน เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ และเป็นวิทยากรสาธิตการดับเพลิงให้กับพนักงานของโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ระหว่างการสาธิตเกิดเหตุถังชุดควบคุมแรงดันการฝึกเกิดการระเบิดขึ้นมาทำให้ นายสุรชาติ เจ้าหน้าที่สาธิตเสียชีวิตทันที่ในที่เกิดเหตุ
จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สมเกษม จารักษ์ ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ รับทราบและรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ร.ต.อ.เดชดำรง ทองก้อน รองสารวัตรพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่จากโรง พยาบาลอุตรดิตถ์ ที่เกิดเหตุภายในโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ เจ้าหน้าที่พบศพนายสุรชาติ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยชำนาญงาน เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ วิทยากรสาธิตการดับเพลิงให้กับพนักงานโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์นอนเสียชีวิตอยู่ภายในโรงงานสภาพร่างกาย ถูกแรงอัดถังแก๊สกระแทกเข้าที่ลำตัว ใบหน้าและแขนอย่างแรง จนทำให้บริเวณหน้าอกเกิดการฉีก ขาดเศษชิ้นส่วนถังแก๊สส่วนหนึ่งติดอยู่ภายในร่างกาย แขนขวาขาดหายไปจากส่วนของร่างกาย
เจ้าหน้าที่พบเศษชิ้นส่วนร่างกายของผู้เสียชีวิต กระเด็นอยู่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุและกระเด็นออกไปนอกกำแพงรั้วของโรงงานน้ำตาลไปไกลเกือบ 200 เมตร โดยพบชิ้นส่วนของมือและนิ้วมือกระจายอยู่ตามพื้นหญ้าและริมถนนติดกับรั้วกำแพง เจ้าหน้าที่จึงเก็บใส่ถุงเอาไว้ เพื่อนำไปรวมกับศพนายสุรชาติที่นอนเสียชีวิตภายในโรงงานน้ำตาล
พ.ต.อ.สมเกษม จารักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ จุดเกิดเหตุอยู่ตรงกลางลานของโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ โดยมีถังแก๊สตั้งอยู่และพบว่าเป็นถังแก๊สที่มีการนำมาดัดแปลงเป็นถังสำหรับควบคุมการปล่อยเชื้อเพลิง เพื่อทำการจุดไฟ เมื่อไปถึงพบว่าถังแก๊สระเบิดไปหมดแล้วมีเศษน้ำมันเหลืออยู่นิดหน่อย ผู้เสียชีวิตเข้าไปที่โรงงานน้ำตาลเพื่อสาธิตวิธีการดับเพลิงและการหนีไฟให้กับพนักงานในโรงงานน้ำตาลโดยมีผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ 200 คน ซึ่งทางโรงงานมีการจัดอบรมให้กับพนักงานเป็นประจำทุกปีและไม่มีปัญหาอะไร การดัดแปลงถังแก๊สมีการทำมานานและสาธิตให้กับคนดูหลายครั้ง
พ.ต.อ.สมเกษม กล่าวว่า ศพของผู้เสียชีวิตอยู่ห่างจากถังแก๊สที่ระเบิดประมาณ 2-3 เมตร เท่าที่สอบถามข้อมูลผู้เสียชีวิตเป็นผู้ประดิษฐ์ถังแก๊สนี้ขึ้นมาเอง เพื่อนำมาสาธิตอบรมดับเพลิงตอนเกิดเหตุขาตั้งสำหรับการจุดไฟล้มลง ผู้เสียชีวิตจึงเดินเข้าไปตั้งขาตั้งให้ตรง พร้อมเดินกลับมายังถังแก๊สที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง เมื่อเดินทางถึงที่บริเวณถังแก๊ส ถังแก๊สเกิดการระเบิดขึ้นมาทันที เป็นการระเบิดตูมเดียว ทำให้ผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที จุดเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยกัน จำนวน 3 คน ยืนอยู่ตรงข้ามกับผู้เสียชีวิตด้วยในระยะไม่เกิน 1 เมตร การระเบิดเป็นการระเบิดพุ่งเข้าหาตัวผู้เสียชีวิตโดยตรง ไม่ได้เป็นการระเบิดแบบกระจาย และระเบิดเข้าที่บริเวณหน้าอกกับใบหน้า ส่งผลทำให้เสียชีวิตทันทีจากด้วยแรงอัดที่รุนแรงและเข้าตรงที่ร่างกาย ถังที่เกิดเหตุไม่ใช่ถังแก๊สโดยตรง เหมือนที่เกิดเหตุในกรุงเทพฯ แต่เป็นถังแก๊สที่ถูกนำมาดัดแปลงแล้ว เพื่อสำหรับการปล่อยน้ำมันออกไปเพื่อจุดไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศบาลจะต้องควบคุมอุปกรณ์ต่างๆสำหรับใช้ในการสาธิตดับเพลิงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
“ สภาพศพของผู้เสียชีวิตบริเวณใบหน้าได้รับความเสียหายและที่บริเวณหน้าอก จึงได้ส่งศพไปทำการชันสูตรศพ พบเศษชิ้นส่วนของถังแก๊สติดอยู่ภายในร่างกายส่วนลำตัวด้วย ส่วนแขนข้างขวาหลุดกระเด็นขาดหายออกลอยออกไปข้ามรั้วกำแพงถึง 200 เมตร
ส่วนสาเหตุที่ก่อให้เกิดถังแก๊สระเบิดนั้น คาดว่าน่าจะเกิดจากแรงดันจากก๊าซไนโตรเจนเหลวที่ตีกลับเข้ามายังจุดน้ำมัน หลังจากขาตั้งล้มลงแล้ว จึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น”
นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ว่า มีถังแก๊สระเบิดส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ที่เข้าไปอบรมเป็นวิทยากรให้ความรู้ในเรื่องของการป้องกันภัยเกี่ยวกับเรื่องของการดับเพลิงให้กับเจ้าหน้าที่ภายในโรงงานน้ำตาลเอกลักษณ์ ทราบว่ามีการดัดแปลงเอาถังแก๊สที่ใช้ในครัวเรือนขนาด 15 กิโลกรัม ใส่น้ำมันเข้าไปและอัดก๊าซไนโตรเจนเหลวเข้าไป เพื่อใช้ในการสธิตการดับเพลิง ตัวถังแก๊สอาจจะได้มาตรฐาน แต่เมื่อมีการนำมาดัดแปลงแล้ว มาตรฐานก็มีการเปลี่ยนไป ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ จึงทำให้เป็นอุทาหรณ์ขึ้นว่า แม้นจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง ก็ต้องมีความไม่ประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไปเป็นวิทยากรสาธิตให้กับประชาชนหรือนักเรียน-นักศึกษา ก็ต้องยึดถือความปลอดภัยเป็นหลัก
รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งถือว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบ แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย จากเหตุการณ์เรื่องนี้ทำให้จะต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปว่า การนำอุปกรณ์ต่างๆนำมาใช้ สาธิตในการอบรมต่างๆจะต้องมีความปลอดภัย กรณีอาจจะมีความเชี่ยวชาญแล้วนำมาใช้ในการดัดแปลงอุปกรณ์เอง เพื่อจะใช้ในการประกอบทำหน้าที่พิธีกรบรรยาย แต่มันก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ความเสียหายค่อนข้างรุนแรง
“ ทราบว่า พอถังแก๊สระเบิดตัวเองก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุคาที่อุปกรณ์พร้อมชิ้นส่วนอวัยวะก็กระเด็นกระดอนไปไกล พบเศษอุปกรณ์ถังแก๊สเข้าไปอยู่ในตัวหรือร่างกายช่องท้องของผู้เสียชีวิตและเป็นที่น่าเสียใจที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ”
นายนพฤทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯนั้น เป็นการใช้ดับเพลิงไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งหน่วยงานทุกหน่วยงาน ได้ไปตรวจสอบถังดับเพลิงทุกหน่วยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้ระมัดระวังในเรื่องนี้ไปแล้ว แต่กรณีนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกรูปแบบหนึ่ง คือเป็นการนำถังแก๊สมาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในการดับเพลิง จะได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ระมัดระวังในเรื่องนี้
ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตอีกครั้ง เพราะถือว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากมีความประมาทเกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความสูญเสีย ไม่สามารถที่จะย้อนเวลาขึ้นมาได้ ขอให้ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนให้กับพี่น้องเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย หรือพนักงานป้องกันภัยทั้งหลายจะต้องมีความระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยให้มากขึ้น อย่านำอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้ในการปฏิบัติงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศาลาการเปรียญวัดคลองโพธิ์ พระอารามหลวง สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายสุรชาติ ภู่บุบผา อายุ 58 ปี ตำแหน่งเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชำนาญงาน เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ วิทยากรสาธิตการดับเพลิงให้กับพนักงานของโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถังแก๊สสำหรับการสาธิตดับเพลิงระเบิด บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ภรรยาของผู้เสียชีวิตพร้อมญาติ ได้จัดเตรียมเครื่องถวายไทยทาน ดอกไม้ธูปเทียนถวายแด่พระสงฆ์ที่จะมาทำพิธีสวดพระอธิธรรมศพในคืนแรก โดยมีนายดิเรก จินาพันธ์ รักษาการณ์ผู้จัดการ โรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ พร้อมด้วยนายสุทัศน์ พิพัฒนชัยพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ร่วมนำพวงหรีดพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งมอบให้กับภรรยาผู้เสียชีวิตและร่วมรับฟังการสวดพระอภิธรรมศพในคืนแรก เพื่อเป็นกำลังใจให้กับภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิต ที่สูญเสียคนเป็นที่รักในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่พนักงานโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์
นายดิเรก กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตได้มีการจัดเตรียมพื้นที่พร้อมอุปกรณ์ เพื่อจำลองสถานการณ์การดับเพลิง โดยยังไม่มีพนักงานเข้ามาภายในพื้นที่ เป็นไปตามแผนงานที่ทางโรงงานได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เกี่ยวกับการอบรมสาธิตให้ความรู้ด้านการดับเพลิงหรือหนีเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงาน ซึ่งผู้เสียชีวิตได้เข้ามาเป็นวิทยากรให้เป็นประจำ และไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่จัดเตรียมสถานที่ และมีเสียงดังขึ้นมา ทราบภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิต
“วันนี้จึงมาร่วมพิธีสวดอภิธรรมให้กับผู้วายชนม์และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพราะผู้เสียชีวิตเคยช่วยเหลือด้านการอบรมให้ความรู้เรื่องการดับเพลิงหรือการเกิดเพลิงไหม้ให้กับพนักงานภายในโรงงาน ทางคณะผู้บริหารซีอีโอและเจ้าหน้าที่ จึงเดินทางมาร่วมเป็นเจ้าภาพในงานศพคืนแรก ในคืนวันอื่นนั้นจะต้องปรึกษาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ช่วงเกิดเหตุพนักงานจำนวน 400-500 คน ยังอยู่ภายในโรงงานไม่ได้ออกมาเห็นเหตุการณ์ เนื่องจากเป็นการจัดเตรียมพื้นที่สาธิตเอาไว้ กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ถังแก๊สระเบิดก่อน”.นายดิเรก กล่าว