8889998889 1
Getting your Trinity Audio player ready...

ชาวบ้านป่าแดง พรหมพิราม รวมตัวร้องขอเปิดถนนเคยใช้ร่วมกันมากว่า 10-40 ปี ใช้เป็นทางสาธารณะเข้า-ออกแปลงนาข้าว ถูกเจ้าของที่ดินติดประกาศ ที่ส่วนบุคคลห้ามเข้า-ออก เดือดร้อนกว่า 40 ครัวเรือน หวั่นต้นข้าวที่ปลูกไว้ กว่า 700 ไร่ตายนา ไม่สามารถนำรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์หรือเดินทางด้วยเท้า นำปุ๋ย ยาฆ่าแมลง บำรุงรักษาต้นข้าว กำลังตั้งท้อง ออกรวง รอเก็บเกี่ยว เจ้าของที่ดินท้าให้ไปฟ้อง ปกครองอำเภอพรหมพิราม ร่วม อ.บ.ต.ดงประคำ พร้อมทนาย เตรียมยื่นขอศาลจังหวัดคุ้มครองชั่วคราว ให้ชาวบ้านมีถนนใช้เข้าสู่แปลงนา

Image4 Image5 Image6 Image7 Image8 Image10 1 Image11Image48 Image50 Image51

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 บริเวณทางเข้าแปลงนาหมู่ 4 บ้านป่าแดง ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก กลุ่มชาวนาปลูกข้าวบ้านป่าแดง จำนวนเกือบ 40 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัดสุโขทัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน จำนวน 40 ครัวเรือน ถูกเจ้าของที่ดินนำป้ายมาติดประกาศที่ดินส่วนบุคคลห้ามเข้า-ออก ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังที่ดินของนายพิษณุพันธ์ ภู่สวัสดิ์ และพื้นที่ของ นางภาวดี พรรณเชษฐ์ ด้วยการนำท่อนไม้มาขวางปิดกั้นทางพร้อมล้อมรั้ว ไม่ให้กลุ่มเกษตรกรทำนาปลูกข้าวในพื้นที่บ้านป่าแดง ชาวบ้านในพื้นที่เคยใช้ที่ดินดังกล่าว ซึ่งเดิมเป็นถนนมีความกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ระยะทาง 400 วา ยาวกว่า 800 เมตร ใช้สัญจรมานานกว่า 10-40 ปี ตั้งแต่ยังเป็นป่าสงวนและป่าเสื่อมโทรม กระทั่ง มีการออกโฉนด เจ้าของเดิมก็ได้อนุญาตให้ชาวบ้านในพื้นที่ ใช้เป็นถนนหรือเส้นทางเข้าออกยังพื้นที่แปลงนาข้าว เพื่อเข้าไปทำนาข้าวพร้อมดูแลรักษาต้นข้าวที่ปลูกเอาไว้ จำนวนกว่า 700 ไร่

ล่าสุด ต้นข้าวที่ปลูกเอาไว้นั้น อยู่ระหว่างตั้งท้องและออกรวง รอวันเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้ถูกปิดกั้นลงทำให้เกษตรกรไม่สามารถนำรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์หรือเดินทางด้วยเท้าผ่านเข้าพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเข้าไปดูแลบำรุงรักษาต้นข้าวที่ปลูกเอาไว้ และอยู่ระหว่างตั้งท้อง บางแปลงนาข้าวได้ออกรวงรอวันเก็บเกี่ยวผลผลิต พร้อมขายนำรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งหมดกว่า 40 ราย ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หวั่นข้าวที่ปลูกไว้ในแปลงนาจะได้รับความเสียหาย ทั้งหว่านปุ๋ยและฉีดยาป้องกันศัตรูพืช หากเกษตรกรไม่สามารถเข้าไปดูแลรักษาต้นข้าวที่ปลูกเอาไว้ได้ จึงรวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรม ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย หาทางเจรจากับเจ้าของที่ดินเปิดเส้นทางดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางถนนที่ชาวบ้านเคยใช้สัญจรร่วมกันมานานกว่า 10-40 ปี ให้เกษตรกรทุกรายได้ใช้เส้นทางดังกล่าวด้วย

Image12 Image13 Image15 Image16 Image17 Image18 Image20 1 Image21 Image22 1 Image23 1

โดยมีข้อความเขียนใส่แผ่นกระดาษว่า ผู้ว่าไปไหน ช่วยเราด้วย, ชาวบ้านเดือดร้อนเป็น 100 หาที่พึ่งไม่ได้,  วันนี้ไม่สำเร็จเจอกันที่ศาลากลางจังหวัด, ผู้นำหายไปไหน ชาวบ้านเดือดร้อน อบต.หมู่4 ช่วยด้วย, ข้าวจะเกี่ยวแล้ว จะเอาออกอย่างไร?, ชาวบ้านเดือดร้อนเป็น 100 หาที่พึ่งไม่ได้, กำนัน ดงประคำ ช่วยด้วย, พร้อมตะโกนเรียกร้องให้ผู้ว่าช่วยด้วย

ต่อมา นายพิษณุพันธ์ ภู่สวัสดิ์ เจ้าของที่ดินพร้อมญาติ ได้เดินทางมาสังเกตุการถึงการเรียกร้องของกลุ่มชาวนาผู้ประท้วงเพื่อขอให้เปิดทางครั้งนี้ด้วย โดยมี พันตำรวจโท ดำรงพล  ศิริรัตน์โสภา สารวัตรสถานีตำรวจภูธรดงประคำ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรดงประคำ จำนวนหนึ่งมาดูแลรักษาความสงบให้กับพื้นที่ นายเกษม บุญแท้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงประคำ นายชูชาติ มีพาด กำนันตำบลดงประคำ ผู้ปกครองท้องที่และท้องถิ่นร่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าว

ในระหว่างนี้เจ้าของที่ดินและญาติ ได้เกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อยกับกลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าวที่มารวมตัวกันประท้วงจุดบริเวณทางเดินเข้าของที่ดิน เถียงกันเรื่องที่ดินซึ่งเคยเป็นถนนที่ชาวบ้านเคยร่วมใช้กันมาก่อนตั้งแต่ยังเป็นป่ายังไม่มีใครเข้ามาครอบครอง และทางองค์การบริหารส่วนตำบล(อ.บ.ต.) ดงประคำ ได้นำหินลูกรังมาบดอัดสร้างเป็นถนนให้กับชาวบ้านได้ใช้ กระทั่งมาเกิดปัญหามีการนำป้ายมาปิดถนนสายดังกล่าว โดยเจ้าของที่ดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นางสาวประนอม แก้วกำพล ปลัดอาวุโสอำเภอพรหมพิราม พร้อมด้วยปลัดอำเภอจากศูนย์ดำรงธรรม ได้เดินทางมายังพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาพร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพทางถนนที่ชาวบ้านเคยร่วมใช้กันมาก่อน สภาพที่ดินของผู้ครอบครอง ตามหลักข้อเท็จจริง รับฟังปัญหารอบด้านจากผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นพยานบุคคล พร้อมตรวจสอบหลักฐานเอกสารที่ดิน เอกสารดาวเทียมชี้พิกัดที่ดินและทางเท้าหรือทางเดินที่เคยถูกใช้มาก่อน ถกเถียงเรื่องปัญหาเส้นทางสัญจรที่ชาวบ้านเคยร่วมใช้กันมา สุดท้ายหากมีปัญหากับเจ้าของที่ดินและถูกนำขึ้นสู่ศาล ศาลก็ต้องสอบถามเจ้าของที่ดิน หากไม่ยินยอมให้ใช้เป็นเส้นทางสาธารณะ ทำไมถึงยอมให้ อ.บ.ต.นำหินกรวดทราย ซึ่งเป็นงบประมาณของหลวง เข้าไปดำเนินการทำถนนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ของตนเอง โดยใช้เวลาลงพื้นที่ตรวจสอบประมาณกว่า 1 ชั่วโมงเศษ

Image26 Image28 1 Image29 1 Image30 1 Image31 1 Image33Image24 3 Image25 Image35 1 Image34 1

นางสาวประนอม แก้วกำพล ปลัดอาวุโสอำเภอพรหมพิราม กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอพรหมพิราม ให้ลงมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถนนเดิมที่ชาวบ้านเคยร่วมใช้กันมา หน่วยงาน อ.บ.ต.ดงประคำ นำหินกรวดลูกรังบดอัดโรยบนผิวถนนเพื่อให้ชาวบ้านใช้ร่วมกัน รวมถึงที่ดินมีเจ้าของ สอบปากคำ ชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อ.บ.ต.ดงประคำ พร้อมตรวจเอกสารที่ดิน เอกสารดาวเทียมประกอบที่ดิน เบื้องต้นตั้งแต่เดินเข้ามาสำรวจในพื้นที่ที่มีปัญหาขัดแย้งกันระหว่างเจ้าของที่ดินกับที่ดินชาวบ้านเคยใช้ร่วมกันมาถูกเจ้าของที่ดินปิดทางประชาชนไม่สามารถเข้าไปได้

จากที่เดินสำรวจตรวจสอบดูแล้ว เส้นทางนี้เจ้าของที่ดินได้ให้ทาง อ.บ.ต.ทำทางเข้ามาใหม่ ซึ่งทางเดิมประชาชนเคยใช้มาประมาณ 40 ปีแล้ว ทำให้ติดข้อกฎหมายว่า ทางใหม่อาจจะยังไม่ใช่ทางสาธารณะเดิม แต่การที่ยินยอมให้ทาง อ.บ.ต.ดงประคำ ไปทำถนนลูกรังก็น่าจะเป็นทางสาธารณะโดยความยินยอมแล้ว ซึ่งชาวบ้านบอกว่าเดินทางใหม่มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งทางอำเภอได้เคยเชิญเจ้าของที่ดินแปลงนี้ น่าจะเป็นบริษัทแล้วมีการมอบหมายให้ตัวแทนเข้ามาคุยไกล่เกลี่ยกันที่ว่าการอำเภอพรหมพิราม ปรากฏว่าไม่ยินยอมที่จะเปิดทางให้ชาวบ้านได้ใช้ร่วมกันเหมือนเดิม พร้อมล้อมรั้วลวดหนามปิดกั้นเส้นทางเข้าออก พร้อมติดป้ายประกาศห้ามเข้า เนื่องจากเป็นที่ดินส่วนบุคคล

เมื่อถามว่า จะต้องทำอย่างไรต่อไป ในข้อกฏหมายอาจจะยังไม่สามารถรื้อรั้วลวดหนามของเจ้าของที่ดินออกได้ แต่เราคงต้องใช้ทางกฎหมาย อาจจะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในการขอเปิดเส้นทางให้กับราษฎรหรือกลุ่มชาวนาปลูกข้าวก่อน ส่วนในเรื่องคดีความจะแพ้หรือชนะก็ต้องว่ากันไป แต่ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องประสานกับทาง อ.บ.ต.ให้ช่วยยื่นฟ้อง เพื่อขอให้ศาลคุ้มครองก่อน เพื่อเปิดทางให้ชาวบ้าน เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้ชาวบ้านจำเป็นต้องเดินทางเข้าพื้นที่นาเพื่อทำการเกษตร ทั้งนี้ ทางอำเภอจะช่วยดูในเรื่องเอกสารหลักฐานเส้นทางไหนบ้างที่เป็นทางสาธารณะที่มีแต่เดิมมา คงต้องนำเอกสารหลักฐานไปต่อสู้ในชั้นศาล ที่ผ่านมาเรียกเจ้าของที่ดินถึง 2 ครั้งให้มาร่วมประชุม มีแต่ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจมามาร่วมประชุม ซึ่งไม่ใช่เจ้าของตัวจริง เจ้าของตัวจริงน่าจะเป็นบริษัทที่ซื้อที่ดินไป และตัวแทนก็ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ในเบื้องต้นทางอำเภอและ อ.บ.ต.ก็ได้พยายามจะหาทางช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ เพื่อให้ราษฎรได้เข้าไปทำกินในพื้นที่แปลงเกษตรของตัวเองได้อย่างเต็มที่

ด้าน นายพิษณุพันธ์ ภู่สวัสดิ์ หนึ่งในเจ้าของที่ดิน ที่นำป้ายมาติดประกาศ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าออกในแปลงที่ดิน กล่าวว่า ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้ฟ้องร้องมาเลย เพราะว่าเขาจะเอาที่ดินของผม และข้างหลังของที่ดินแปลงนี้ ยังมีที่ดินที่ยังออกโฉนดไม่ได้ ยังสงสัยอยู่ว่า ที่ดินที่ไม่มีโฉนดจะมาฟ้องกับที่ดินที่มีโฉนดได้อย่างไร.

Facebook Comments Box

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า