123654789
Getting your Trinity Audio player ready...

“ชาวท่าแฝก ซาบซึ้งพระเมตตา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า” พระราชทานอ่างเก็บน้ำ สูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ กระจายน้ำด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ หลังชาวบ้านร้องถวายฎีกา งบ 2,140 ล้านบาท สำรวจออกแบบเสร็จ บรรจุเข้าแผนแล้ว พื้นที่รับประโยชน์ 9 หมู่บ้าน 12,000 ไร่ เพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันไฟป่า 3,700 ไร่  “ตุ้ม” รอง หน.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าพร้อมแจ้งข่าวชาวบ้าน  สิ่งก่อสร้างสาธารณูปโภค ถนน อยู่ในอุทยานหรือป่าไม้ ท้องถิ่นขออนุญาตผู้อำนวยการป่าไม้จังหวัดอนุมัติ ไม่ต้องผ่านอธิบดี ไฟป่าชาวบ้านต้องช่วยดูแล ผู้ว่าฯต้องเข้มงวด มีเผาหรือเผาไม่หยุด เชิญไปอยู่กรม

Image4 3Image1 3 Image12 7Image2 4 Image15 6 Image16 6 Image17 6 Image18 6 Image19 5 Image20 7

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่อาคารอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าแฝก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการสำรวจโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ (โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำ) รับฟังปัญหาและความต้องการของชาวบ้าน ตำบลท่าแฝก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีคณะติดตามประกอบด้วย นายสมเกียรติ ยอดมาลี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่11(พิษณุโลก), นายดุลยธรรม ทวิชสังข์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำที่9, กรมทรัพยากรน้ำ, นางสาวทิพวรรณ ขันทอง ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรมและมาตรฐานกองพัฒนาแหล่งน้ำ

ทั้งนี้ นางสาวอนุพร โนเรือง แทนผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์, นายภูวภัทร ภูเพียงใจ แทนนายอำเภอน้ำปาด, นายรูม อินแจ้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแฝก และ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแฝก นายลวน อิสสระ กำนันตำบลท่าแฝก, นายศักดิ์นรินทร์ ปิ่นน้อย อดีตกำนันตำบลท่าแฝก พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านตำบลท่าแฝก ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ (โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ) เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตรในพื้นที่ตำบลท่าแฝก

โดยมี นางสาวทิพวรรณ ขันทอง ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรมและมาตรฐานกองพัฒนาแหล่งน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กล่าวรายงานว่า ตามที่ นายศักดิ์นรินทร์ ปิ่นน้อย อดีตกำนันตำบลท่าแฝก นำความกราบบังคมทูล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ เกี่ยวกับการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการสำรวจออกแบบ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ ตำบลท่าแฝก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ.2565 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จัดสรรให้ทำกิน ครอบคลุมพื้นที่ 9 หมู่บ้าน ของตำบลท่าแฝก และสนับสนุนน้ำเพื่อความชุ่มชื้นและป้องกันไฟป่าในพื้นที่ โดยการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และกระจายน้ำด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก ความยาวท่อประมาณ 91 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 12,000 ไร่ โดยการก่อสร้างสถานีสูบน้ำ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ สถานีสูบน้ำบ้านงอมมดและสถานีสูบน้ำบ้านวังน้ำต้น

1737865158426 1737865166685 1737865174160 1737865187289 1737865197582 Image24 4 Image28 6Image21 6 Image22 6 Image23 6

ปัจจุบันกรมทรัพยากรน้ำ ได้บรรจุโครงการเข้าแผนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 – 2570 ดังนี้ 1.โครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ สถานีบ้านงอมมด ระยะที่1 งบประมาณ 826 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 1,095 ไร่ 140 ครัวเรือน 2.โครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำโดยพลังงานแสงอาทิตย์ บ้านงอมมดระยะที่2 งบประมาณ 656 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 7,598 ไร่ 835 ครัวเรือน 3.โครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำ ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ สถานีสูบน้ำบ้านวังน้ำต้น งบประมาณ 658 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 3,734 ไร่ 451 ครัวเรือน รวมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,140 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 1,2427 ไร่ 1,426 ครัวเรือน เพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันไฟป่าได้ประมาณ 3,700 ไร่ ปริมาณน้ำสูบจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ใช้ในพื้นที่โครงการ เฉลี่ย 6.86 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี การประชุมเพื่อรับฟังสภาพปัญหาและความต้องการโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ในวันนี้ เพื่อยืนยันรูปแบบการดำเนินโครงการพร้อมความร่วมมือในการสนับสนุนโครง การของประชาชนในพื้นที่ เพื่อผลักดันงบประมาณให้บรรลุวัตถุประสงค์ ในการปัญหาของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

นายนราพัฒน์ กล่าวกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนที่มารับฟังว่า ตนได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ลงพื้นที่นำข่าวแจ้ง ให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าแฝกได้รับทราบว่า โครงการที่ได้ขอไว้ สมเด็จพระกนิษ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเมตตามอบให้ทาง กระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวล้อมดำเนินการ ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้ลงพื้นที่ออกสำรวจเรียบร้อย รอเพียงงบประมาณ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการจนใกล้ตกผลึกแล้ว เพียงแค่รองบประมาณที่จะบรรจุเข้าแผนในปีงบประมาณ 2569 จะเป็นโครงการที่ช่วยในเรื่องของแหล่งน้ำที่ประชาชนในพื้นที่เฝ้ารอมานานพอสมควร

นายนราพัฒน์  กล่าวว่า เคยลงพื้นที่ตำบลท่าแฝกบ่อยสมัยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ดูเรื่องสินค้าการเกษตรให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องน้ำตลอด ซึ่งชาวบ้านอยากจะได้เขื่อน แต่ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำลงพื้นที่สำรวจดูแล้วก่อสร้างยาก เหตุเพราะเป็นทางลาดชันมีอากสที่เกิดถล่มหรือไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และงบประมาณค่อนข้างสูง จึงเกิดเป็นโครงการ 3 จุดขึ้นมา เป็นโครงการที่สูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมระบายน้ำลงมาด้านล่างให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงถือโอกาสนี้ลงพื้นที่แจ้งข่าวให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความความคืบหน้าพร้อมรับฟังปัญหา

Image34 4 Image35 4 Image36 5 Image37 5 Image38 4 Image39 4 Image40 5 Image41 6Image25 4 Image26 7

นายนราพัฒน์ กล่าวด้วยว่า แนวทางของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยากให้ประชาชนในพื้นที่อยู่กับป่า อยู่กับธรรมชาติ ถ้อยที่ถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ยังคงยึดข้อระเบียบและกฏหมาย กฏหมายห้ามแต่มีการฝ่าฝืน คงต้องดำเนินการตามกฏหมาย สิ่งไหนที่กฏหมายเอื้อประโยชน์ หรือช่วยเหลือชาวบ้าน ก็ยินดีที่จะดำเนินการให้

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เมื่อก่อนจะเป็นเรื่องความล่าช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวไว้ว่า “ความล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม” โดยมีแนวทางแก้ไขปรับปรุงระเบียบ โดยระเบียบที่ออกมาล่าสุด ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานหรือเขตป่าไม้ สามารถที่จะดำเนินการอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งตนเองลงพื้นที่บ่อยได้รับการร้องเรียนว่า “ พื้นที่ที่อยู่ในเขตป่า ถนนพังแล้ว ทรุดโทรมแล้ว จะเข้าไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุงจะต้องทำเรื่องขออนุญาตต้องใช้เวลา บางพื้นที่มีศูนย์เด็กเล็ก มีอาคารสิ่งก่อสร้าง หน่วยงานอยู่ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลตั้งงบประมาณแล้ว มีการขออนุญาตยังไม่ผ่าน รอจนงบประมาณตกไปหรือผู้บริหารนายกมีการเปลี่ยนตัวไปแล้ว โครงการก็ยังไม่เกิด สิ่งนี้จึงเป็นความล่าช้า”

“ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มีดำริออกเป็นนโยบายหลังจากนี้ไปสิ่งก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงถนนหนทางซึ่งอยู่ในพื้นที่อุทยานหรือป่าไม้ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถที่จะดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ได้ เดิมเรื่องต้องผ่านถึงอธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยาน ตอนนี้การขออนุญาตไม่ต้องถึงขั้นตอนนั้น แค่ยื่นเรื่องขออนุญาตต่อผู้อำนวยการป่าไม้จังหวัด ก็สามารถร่วมพิจารณาดูแลพร้อมอนุมัติ ให้ดำเนินการก่อสร้างได้ หากดำเนินการถูกต้องตามระเบียบข้อกฏหมายทุกอย่าง ไม่เกิน 60 วันสามารถที่จะตั้งงบประมาณเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างหรือถนนหนทางในพื้นที่ป่าไม้หรือพื้นที่อุทยานนั้นได้ จึงนำเรียนแจ้งให้ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว

Image7 6Image5 5 Image6 6Image31 5 Image8 6 Image9 7Image29 7 Image30 4 Image33 4Image3 5

นายนราพัฒน์  กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันตรวจสอบหากพบมีการบุกรุกป่าไม้หรือกระทำผิดกฏหมาย ช่วยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุม รวมถึงเรื่องไฟป่าจะต้องเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือกัน วันนี้ภาวะโลกร้อน สิ่งต่างที่เกิดขึ้นวาตภัย อุทกภัย มาจากธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไป ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ แหล่งน้ำที่เคยมีมากเพียงพอก็หายไป อยากให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันป้องกันเรื่องไฟป่า หากสามารถฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อมกลับขึ้นมาได้ ธรรมชาติก็จะไม่รังแกเราขนาดนี้ หลายพื้นที่ที่เกิดเหตุภัยพิบัติต่างๆ วันนี้มันรุนแรงไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ทั่วโลกก็เกิดสถานการณ์เช่นนั้น ทำอย่างไรทุกคนจะช่วยฟื้นฟูตรงจุดนี้

“ การจุดไฟเผาหรือไม่เผาเป็นหนึ่งในแนวทางของรัฐบาล โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายผ่านมายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัดต้องเข้มงวด เพราะรัฐมนตรีได้ประกาศแล้ว จังหวัดไหน มีการเผาหรือไม่หยุดเผา ก็ต้องเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดไปฝึกงานอยู่ในกรมการปกครอง เรื่องนี้เราต้องร่วมมือกัน

การเผาโดยเจตนาหรือไม่เจตนา มันสร้างมลภาวะก่อให้เกิดฝุ่นละออง Pm 2.5 รุนแรงมาก ประชา ชนในพื้นที่ต้องร่วมช่วยกัน กรณีที่อะลุ่มอล่วยในพื้นที่หากจำเป็น จะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า กับเจ้าหน้าที่หรือผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นให้รับทราบ ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัดรับทราบ” นายนราพัฒน์ กล่าว

Facebook Comments Box

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า