
Getting your Trinity Audio player ready...
|
พ่อเมืองอุตรดิตถ์-ทสจ.บุกสำรวจรอยเท้าไดโนเสาร์ พบเพียงแค่การกัดเซาะหินปูน ทำให้มีลักษณะคล้ายรอยเท้าสัตว์ เจอพีคกว่า! “พบซากฟอสซิล ไครนอยด์หรือพลับพลึงทะเล” บนหินที่มีอายุมากกว่า 250 ล้านปี เตรียมจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจังหวัด
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2567 นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยนายมรกต อินทรภู่ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์ นายศิวัช ฟูบินทร์ นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ นำทีมส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 จังหวัดลำปาง ลงพื้นที่พิสูจน์และตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีค้นพบรอยเท้าสัตว์โบราณหลังจากได้รับแจ้งจาก นายนิกร กล่ำทอง นายกองค์ การบริหารส่วนตำบลแสนตอ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ว่า ได้นำทีมขึ้นไปสำรวจบริเวณถ้ำม่วง หมู่ที่ 4 ตำบลแสนตอ พบว่าที่บริเวณใต้ชั้นหินมีร่องรอยคล้ายเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ คาดว่าน่าจะเป็นรอยเท้าสัตว์โบราณ โดยเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจพบว่า ก้อนหินเป็นร่องลึกมองเห็นชัดเจน มีลักษณะเหมือนส่วนของเล็บเท้าหรือนิ้วของสัตว์ แต่มีขนาดใหญ่ คนสามารถลงไปนอนได้ถึง 2 คน มีจำนวนกว่า 10 นิ้ว โดยขนาดใหญ่สุด มีความกว้างประมาณ 1 เมตร ความยาว ประมาณ 1.4 เมตร มีลึก 45 เซ็นติเมตร และเล็กสุด มีความกว้าง 30 เซ็นติเมตร มีความยาว 50 เซนติเมตร และลึกถึง 20 เซนติเมตร
โดยนิ้วขนาดใหญ่จะอยู่ตรงกลางถัดไปทางซ้ายและขวา ขนาดของนิ้วจะเล็กลงตามลำดับ ความห่างของแต่ละนิ้วประมาณ 20-30 เซนติเมตรเป็นลักษณะรอยก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังยอดเขาสูง จุดบริเวณที่พบรอยเท้าอยู่ห่างจากถ้ำม่วงประมาณ 1 กิโลเมตร โดยทางอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ได้ขอความอนุเคราะห์ให้ทีมจังหวัดอุตรดิตถ์ ประสานพร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่สำรวจบริเวณจุดค้นพบรอยเท้าสัตว์โบราณดังกล่าว เพื่อที่จะได้ผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
” รอยเท้าสัตว์โบราณนี้ คนในพื้นที่เรียกว่ารอยเท้าราชสีห์ซึ่งคาดว่าจะเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ แต่หลังจากที่สำนักงานทรัพยากรธรณี ได้สำรวจแล้วปรากฏว่าไม่ใช่รอยเท้าของไดโนเสาร์ แต่เป็นการกัดเซาะหินปูนของน้ำทำให้มีลักษณะคล้ายรอยเท้าดังกล่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ค้นพบซากฟอสซิล ไครนอยด์หรือพลับพลึงทะเลบนหินนั้นซึ่งมีอายุมากกว่า 250 ล้านปี ซึ่งทางจังหวัดอุตรดิตถ์จะได้สนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดอุตรดิตถ์ อีกแหล่งหนึ่งต่อไป”