Getting your Trinity Audio player ready...
|
ศึกตระกูล “บุญพิมพ์” เจ้าทุกข์ 4 ราย ขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิดปิดกั้นเส้นทางน้ำไหลทางธรรมชาติ หลังเจรจาส่วนตัว-พึ่งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไม่สำเร็จ เบี้ยวไม่มา สุดทน! ดำเนินคดี “ขุดดินถมดิน” ทำให้น้ำท่วมนาข้าว ได้รับความเสียหายนาน 3 ปี ปู่ ย่า ตา ยาย เคยวางท่อน้ำแต่ละแปลงนานานเกือบ 100 ปี เพื่อระบายน้ำจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำและลงแม่น้ำปาด
วันที่ 20 กันยายน 2567 นายปลั่ง บุญพิมพ์ อายุ 64 ปี ราษฎรหมู่ 2 ตำบลบ้านฝาย อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ รวม 4 คน นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่แปลงนาข้าว หนองห้วยแสน พื้นที่ถูกน้ำท่วมนาข้าว เหตุเกิดจากเจ้าของนาพื้นที่ติดกัน ทำการถมดินปิดกั้นปลายท่อน้ำ เส้นทางน้ำไหลจากที่สูงลงสู่พื้นที่ต่ำ โดยไม่ยอมให้มีเส้นทางน้ำไหลผ่านเข้าพื้นที่ของตัวเอง เพื่อเปิดเป็นทางน้ำให้ไหลสู่พื้นที่ต่ำไปยังแปลงนาติดกันอีก 3 แปลง ซึ่งเจ้าของนาทุกแปลงมีการวางท่อน้ำเชื่อมเพื่อรอให้น้ำไหลคล่องตัวตามธรรมชาติของน้ำ ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำและไหลลงสู่แม่น้ำปาด เพื่อไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรหรือนาข้าว ตามที่ปู่ ย่า ตา ยาย หลายครอบครัวได้เคยยึดอาชีพทำการเกษตรและทำนาปลูกข้าว ได้ปฏิบัติร่วมกันมานานเกือบ 100 ปี ในพื้นที่ดินหรือแปลงนาข้าวของตัวเอง ด้วยการเปิดทางน้ำหรือวางท่อน้ำเพื่อให้น้ำได้ไหลลงสู่ที่ต่ำ ลงไปยังแม่น้ำปาด ไม่ให้เกิดน้ำปัญหาท่วมนาข้าวในช่วงฤดูฝนของทุกปี
แต่เจ้าของที่ดินติดกัน ได้ทำทางถมดินปิดกันท่อน้ำในแปลงที่นาหรือที่ดินตัวเอง เพื่อไม่ให้น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ ส่งผลทำให้น้ำขังท่วมแปลงนาข้าวพื้นที่ใกล้เคียง รวมกว่า 10 ไร่ ไม่สามารถประกอบอาชีพการเกษตรหรือทำนาปลูกข้าวในช่วงฤดูฝนได้ เพื่อนำข้าวที่ปลูกมาเลี้ยงดูแลจุนเจือครอบครัว สร้างความเดือดร้อนให้กับ 4 ครัวเรือนและพื้นที่ใกล้เคียง ต้องหาซื้อข้าวกินเอง เป็นเวลานานถึง 3 ปีแล้ว เคยร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอน้ำปาด พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรน้ำปาด ยังไม่ได้รับทราบความคืบหน้า จำเป็นต้องร้องขอให้สื่อเข้ามาติดตามความคืบหน้าถึงปัญหาความเดือดร้อนให้ครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ชาวบ้านกลุ่มเกษตรกร หนองห้วยแสน หมู่2 ตำบลบ้านฝาย เข้าร้อง เรียนกับทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอน้ำปาด กรณีได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตลอดฤดูฝน สาเหตุมาจากเจ้าของพื้นที่ใกล้เคียงปิดทางระบายน้ำ ทำให้ฤดูฝน ไม่สามารถระบายน้ำทำนาได้ตลอดฤดูกาล จึงร้องขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอน้ำปาดถึงนายอำเภอ ช่วยลงพื้นที่เพื่อไกล่เกลี่ยให้กับเกษตรกรผู้เดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเบื้องต้นทางอำเภอน้ำปาดได้เรียกกลุ่มเกษตรกร หนองห้วยแสนที่ได้รับความเดือดร้อนและคู่กรณีมาพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันแล้ว แต่คู่กรณีไม่มาร่วมประชุมเพื่อหาทางออก อำเภอไม่ได้นิ่งนอนใจในการหาทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนครั้งนี้ ถึงแม้ว่าคู่กรณีจะไม่เข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางออกของปัญหา แต่ทางอำเภอกำลังตรวจสอบข้อกฏหมายอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอและอำนาจหน้าที่ในส่วนขององค์การบริหารส่วนตำบล เกี่ยวกับภัยพิบัติที่ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบหรือได้ความเดือดร้อน เข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เหตุเพราะคู่กรณีไม่มาเจรจาหาทางออกแก้ปัญหาร่วมกัน ก็ต้องว่าไปตามข้อกฏหมาย หากชาวบ้านและคู่กรณีสามารถหาทางออกร่วมกันได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อำเภอน้ำปาด ได้มีหนังสือแจ้งถึง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านฝาย ในฐานะเจ้าของพื้นที่ให้ตรวจสอบรายละเอียด กรณีชาวบ้านกลุ่มเกษตรกร หนองห้วยแสน หมู่2 ตำบลบ้านฝาย เข้าร้องเรียนกับทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอน้ำปาดว่า ได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตลอดฤดูฝน สาเหตุมาจากเจ้าของพื้นที่ดินใกล้เคียงหรือติดกันปิดทางระบายน้ำที่เคยใช้ร่วมกันมานาน ทำให้ฤดูฝนไม่สามารถระบายน้ำทำนาได้ตลอดฤดูกาล
ล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านฝาย พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านฝาย ลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ทางอำเภอน้ำปาดรับทราบแล้วว่า “ เดิมเมื่อ 3 ปีก่อนน้ำไม่ได้ท่วมขังในพื้นที่การเกษตร น้ำสามารถไหลผ่านไปยังที่ต่ำกว่าได้ แต่ปัจจุบันน้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ เนื่องจากที่ดินข้างเคียง ได้ถมที่เป็นทางในที่ดินของตนเอง เป็นที่ดินซึ่งสูงกว่าที่ดินของนายปลั่ง และมีท่อคอนกรีตเสริมเหล็กฝังอยู่ระหว่างที่นาของนายปลั่งกับคู่กรณี น้ำสามารถไหลผ่านได้เป็นทอดๆ แต่ปัจจุบันน้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งที่ดินของนายปลั่ง ไม่สามารถระบายน้ำได้ ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อน รวม 4 ราย ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรโดยเฉพาะการทำนาในช่วงฤดูฝนได้ แต่ก็มีเกษตรกรรายอื่นได้รับความเดือดร้อนบางส่วนด้วยเช่นกัน ซึ่งทางกลุ่มเกษตรกรต้องการเพียงแค่ให้คู่กรณีเจ้าของที่ดินติดกัน ยอมให้ฝังท่อคอนกรีตเสริมเหล็กเช่นเดิม น้ำก็สามารถผ่านไปได้ ”
ขณะเดียวกัน ที่สถานีตำรวจภูธรน้ำปาด นายปลั่ง บุญพิมพ์ อายุ 64 ปี พร้อมพวก 4 คน เข้าพบร้อยตำรวจเอก เทิดศักดิ์ อินศิริ รองสารวัตรสอบสวน แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นายเดชากุล บุญพิมพ์ บุคคลอยู่ในพื้นที่บ้านใหม่ ตำบลบ้านฝาย อำเภอน้ำปาด ในข้อหาทำให้เกิดอุทกภัย(น้ำท่วมที่นา) โดยมีพฤติการณ์กล่าวคือ ผู้เสียหายกับพวกมีที่ดินทำกินทำนาปลูกข้าวอยู่ในพื้นที่หนองห้วยแสน หมู่2 ตำบลบ้านฝ่าย อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อที่แตกต่างกันคนละประมาณ 1-5 ไร่ ที่ดินของ นายปลั่งฯ และของนายเดช บุญพิมพ์ ผู้เสียหายเป็นโฉนดที่ดินมีแนวเขตติดต่อเหนือที่ดินของ นายเดชากุล บุญพิมพ์ ผู้ถูกกล่าวหาไปทางด้านทิศตะวันออก ที่ดินของนายเดชากุลฯ จะอยู่ต่ำกว่าที่ดินของผู้เสียหาย ในช่วงฤดูฝน เมื่อฝนตกน้ำจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำคือไหล่มาจากทางทิศตะวันออกผ่านมายังที่ดินของผู้เสียหาย นายแก้ว ลาหลอย นางศิริพรรณ จันทร์คำ นายปลั่ง บุญพิมพ์ และนายเดช บุญพิมพ์ ไหล่ลงต่อไปทางที่ดินของ นายเดชากุลฯ และไหล่ลงสู่แม่น้ำตามธรรมชาติ(แม่น้ำปาด) การแก้ปัญหาป้องกันน้ำท่วมที่นาของชาวนาที่นั้น ก็คือการใส่ท่อระบายน้ำในที่นาของตนเองและปล่อยให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองตามธรรมชาติ
ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2565 นายเดชากุลฯ ได้ถมที่ดินของตนเอง ฝั่งที่ติดกับที่ดินของนายปลั่งฯ และนายเดชฯ ลักษณะถมทำเป็นถนนกั้นทางน้ำไหลไม่ยอมใส่ท่อระบายน้ำ เมื่อเข้าสู่ฤสู่ฤดูฝน ฝนตกน้ำไม่สามารถไหล่ลงไปยังแม่น้ำปาดได้ ทำให้น้ำท่วมที่นาของนายปลั่งฯ และพวกดังกล่าว ต้นนข้าวที่ปลูกไว้ในนาถูกน้ำท่วมตายไม่ได้ผลผลิต หรือบางปีน้ำท่วมมากไม่สามารถทำนาได้เลย ทำให้ได้รับความเสียหาย ผู้กล่าวหากับพวกได้เคยแจ้งให้ นายเดชากุลฯ แก้ไขปัญญานี้ โดยการใส่ท่อระบายน้ำแล้ว แต่ นายเดชากุลฯ ไม่ยอมแก้ไขให้ ปล่อยปะละเลย ผู้กล่าวหากับพวกดังกล่าวได้ รับความเสียหายจากการกระทำของ นายเดชากุลฯ จึงมาแจ้งความดำเนินคดี เหตุเกิดที่ในที่ดินของเสียหาย หมู่2 จนถึงปัจจุบัน พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความและลงบันทึกแจ้งความพร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนในพื้นที่อำเภอน้ำปาดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ถูกแจ้งความดำเนินคดีเป็นญาติพี่น้องกัน มีการพูดคุยเจรจากันภายในครอบครัวแล้วหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล กระทั่งมีการร้องศูนย์ดำรงธรรมปกครองอำเภอน้ำปาด ให้ลงมาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน เนื่องจากคู่กรณีไม่เข้าร่วมวงเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องพึ่งฝ่ายกฏหมาย ด้วยการแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดในครั้งนี้ คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังเร่งดำเนินการรวบรวมพยานเอกสารข้อมูล พร้อมสอบปากคำเจ้าทุกข์ เจ้าของพื้นที่ใกล้เคียงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หลังจากรวบรวมพยานเอกสารและสอบปากคำพยานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะมีหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหา นายเดชากุล บุญพิมพ์ มาสอบปากคำพร้อมรับทราบข้อกล่าวหา และหากผู้ถูกกล่าวหา ไม่มาตามหมายเรียก ก็จะออกหมายจับดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เตรียมเอาผิดผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ เกี่ยวกับการขุดที่ดินและถมดิน ตามกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 และมาตรา 1340 ในข้อหาปิดกั้นเส้นทางน้ำ ท่อระบายน้ำ ทำพนังกั้นน้ำและถมกลบลำรางในที่ดินตัวเอง ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมที่ดินใกล้เคียง ซึ่งน้ำที่เกิดขึ้นนี้ เป็นน้ำจากฝนที่ตกมาตามธรรมชาติ น้ำย่อมต้องไหลจากที่ที่สูงกว่าไปยังที่ที่ต่ำกว่าตามแรงโน้มถ่วงของโลก และโดยธรรมชาติน้ำย่อมไหลไปสู่แม่น้ำลำคลองที่เป็นทางน้ำตามธรรมชาติ เจ้าของที่ดินที่ต่ำกว่าต้องยอมให้น้ำไหลหรือระบายตามธรรมชาติผ่านที่ดินของตนไปได้ หากไปกระทำการใดที่เป็นการกั้นขวางไม่ให้น้ำไหลผ่าน จนเกิดความเสียหาย เจ้าของที่ดินที่กระทำการนั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายและทำสภาพที่ดินให้กลับคืนดังเดิมด้วย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2564